ระบบบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์กับการดำเนินงานของสำนักงานที่ดิน
ระบบบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ กับการดำเนินงานของสำนักงานที่ดิน
กองแผนงาน และศูนย์ส่งเสริมประสิทธิภาพกรมที่ดิน
บทความนี้เรียบเรียง คัดย่อ และปรับปรุง จากเอกสาร และคู่มือการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ ของทั้งสำนักงาน ก.พ. และกรมที่ดิน เพื่อเผยแพร่ความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ
สำนักงานที่ดิน * เนื้อหาสาระในส่วนแรกประกอบด้วย ความเป็นมา วัตถุประสงค์ ประโยชน์ ของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ ส่วนที่สองกล่าวถึงการพัฒนาระบบการบริหารฯดังกล่าว และในส่วนที่สามให้ความสำคัญกับตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานที่ดิน
ความเป็นมา
ในปัจจุบันรัฐบาลได้ให้ความสนใจเกี่ยวกับวิธีการบริหารจัดการภาครัฐแนวใหม่
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ (RBM)
ซึ่งเป็นกิจกรรมหนึ่งของแผนการปรับเปลี่ยน บทบาทภารกิจและวิธีการบริหารงานของภาครัฐ อันเป็นหนึ่งในห้าของแผนงานหลักตามแผนปฏิรูประบบบริหารภาครัฐ ตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 11
พฤษภาคม 2542
โดยมีสำนักงาน ก.พ.
เป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนี้เมื่อวันที่ 3
เมษายน 2544
คณะรัฐมนตรีได้มีมติกำหนดแนวทางการเลื่อนขั้นเงินเดือน และการรับเงินรางวัลประจำปีของแต่ละหน่วยงาน ที่จะพิจารณาจากการปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานราชการเป็นสำคัญ ซึ่งได้แก่การที่หน่วยงานต่างๆ
จะต้องนำระบบการบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์มาใช้ในการบริหารงานภายในหน่วยงานด้วย
ดังนั้นกรมที่ดินจึงร่วมกับสำนักงาน ก.
พ.
นำระบบนี้มาช่วยในการบริหารงานของกรม โดยจะเริ่มใช้ระบบนี้ตั้งแต่วันที่ 1มกราคม 2545 เป็นต้นไป
แนวคิดการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ของระบบราชการไทย
สำนักงาน ก.พ.
ได้นำเทคนิควิธีการบริหารสมัยใหม่ 2 แนวคิด มาผสมผสานและประยุกต์ใช้ในการบริหารงานของระบบราชการไทยกล่าวคือ เทคนิคการบริหารโดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ ซึ่งมีแนวคิดหลักเกี่ยวกับการบริหารที่มุ่งเน้นสัมฤทธิ์ผลของงาน
(ผลผลิต +
ผลลัพธ์) และเทคนิค Balanced Scorecard
ซึ่งมีแนวคิดหลักเกี่ยวกับการบริหารที่ให้ความสำคัญกับปัจจัยต่าง ๆ ที่จะต้องพิจารณาให้ครอบคลุมกรอบการประเมินผลสัมฤทธิ์(Perspectives)
ทั้ง4 ด้าน ได้แก่ ด้านองค์ประกอบภายใน
ด้านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกองค์กร ด้านนวัตกรรม และด้านการเงิน จึงจะสามารถทำให้การปฏิบัติงานบรรลุวัตถุประสงค์ขององค์กร
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์หมายถึงอะไร
การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์มาจากภาษาอังกฤษว่า Results Based Management
และมี คำย่อที่เรียกกันทั่วไปว่า “ RBM ”
ในที่นี้การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์มีความหมายเฉพาะว่า เป็นวิธีการบริหารจัดการที่เป็นระบบที่มุ่งเน้นผลสัมฤทธิ์ของงานเป็นหลัก โดยมีการวัดผลการปฏิบัติงานที่ชัดเจนเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้
ฉะนั้น ในการดำเนินงานของระบบนี้ จะต้องมีการกำหนดเป้าหมาย และตัวชี้วัดผลงาน (Indicators)
สำหรับตรวจสอบความสำเร็จของหน่วยงานเป็นสำคัญ อันจะนำไปสู่การปรับปรุงประสิทธิภาพและประสิทธิผลของงานให้ดีขึ้นต่อไป ในทางการบริหารได้ให้สมการของคำว่า “ผลสัมฤทธิ์”
ไว้ดังนี้
“
ผลสัมฤทธิ์ (Results) =
ผลผลิต (Out puts) +
ผลลัพธ์ (Out comes) ”
“ผลผลิต”
หมายถึง กิจกรรม/งาน หรือ บริการที่ทำเสร็จสมบูรณ์แล้ว เพื่อส่งให้ผู้รับ
บริการอย่างเป็นรูปธรรม/นับเป็นชิ้นได้ ตัวอย่าง ผลผลิตในการให้บริการของสำนักงานที่ดินแห่งหนึ่ง คือ แจกโฉนดที่ดินให้แก่เจ้าของที่ดิน จำนวน 5 ราย เป็นต้น
“ผลลัพธ์”
หมายถึง เหตุการณ์/สิ่งที่เกิดขึ้นต่อเนื่องจากผลผลิต และมีความเกี่ยวข้อง
โดยตรงต่อผู้ใช้บริการและสาธารณะ ตัวอย่าง ผลลัพธ์ของการแจกโฉนดที่ดินดังกล่าว ก็คือเจ้าของที่ดินมีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามกฎหมาย และมีความมั่นใจความเป็นเจ้าของและสร้างความมั่นคงในทางการปกครอง เป็นต้น
วัตถุประสงค์ของ
RBM
ระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
นอกจากจะเป็นกิจกรรมหนึ่งของแผนการปฏิรูประบบบริหารภาครัฐแล้ว ยังเป็นเครื่องมือที่สำคัญที่ผู้บริหารขององค์กรสามารถนำไปช่วยในการบริหารจัดการได้ดังนี้
-
สามารถนำไปปรับปรุงผลการปฏิบัติงานขององค์กรดีขึ้น
-
ใช้ควบคุมทิศทางการปฏิบัติงานขององค์กรให้มุ่งตรงไปสู่วิสัยทัศน์ที่กำหนดไว้
-
บ่งบอกความก้าวหน้าและความสำเร็จขององค์กร
ประโยชน์ที่ได้รับ
ด้านเจ้าหน้าที่
-
ทราบเป้าหมายการทำงาน
-
ทราบระดับความสำเร็จของการปฏิบัติงาน
-
ได้รับผลตอบแทนตามผลของการปฏิบัติงาน
ด้านผู้บริหาร
-
รับผิดชอบต่อผลสัมฤทธิ์และการบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร
-
สร้างพันธะความรับผิดชอบที่เป็นทางการต่อรัฐบาลและสาธารณะ
-
ใช้เป็นเครื่องมือช่วยในการปรับปรุงผลการปฏิบัติงานให้เกิดประสิทธิภาพและ ประสิทธิผล
-
ใช้เป็นข้อมูลประกอบการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือนและการให้ผลตอบแทนประจำปี
ด้านองค์กร
-
ใช้เป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเกี่ยวกับการขอจัดสรรงบประมาณ
-
ใช้เป็นเครื่องชี้ความคาดหวังของประชาชนผู้ใช้บริการและผู้มีส่วนได้เสีย
การพัฒนาระบบระบบการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ของกรมที่ดิน
การดำเนินการพัฒนาระบบฯนี้ได้กำหนดขั้นตอนการทำงานไว้ 9 ขั้นตอน เริ่มด้วยการวิเคราะห์วิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร กำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ กำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก กำหนดแหล่งข้อมูล ตั้งเป้าหมาย รวบรวมข้อมูล บันทึกและอนุมัติข้อมูล วิเคราะห์ผล และรายงานผล
การวิเคราะห์วิสัยทัศน์และพันธกิจ
การวิเคราะห์วิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กรมีความจำเป็นเพื่อให้ทราบความมุ่งหมายที่แท้จริง ทิศทางที่องค์กรต้องการมุ่งไป เพื่อให้เกิดความสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบันของ วิสัยทัศน์ และพันธกิจขององค์กร
วิสัยทัศน์ของกรมที่ดิน คือ
“เป็นองค์การที่เป็นเลิศในการบริหารจัดการ และคุ้มครองสิทธิการถือครองที่ดินของรัฐและประชาชน มุ่งเน้นการให้บริการโดยการบริหารจัดการที่ดี มีมาตรฐานสากล มุ่งผลสัมฤทธิ์”
พันธกิจของกรมที่ดิน 5 ประการ ได้แก่
-
การทำแผนที่และการรังวัด
-
การทะเบียนที่ดิน
-
การบริหารจัดการที่ดิน
-
การปฏิบัติการและให้บริการประชาชน
-
การสนับสนุนการบริหารจัดการที่ดิน
จากการวิเคราะห์ฯ ดังกล่าว ได้มีการกำหนดวัตถุประสงค์หลักของการดำเนินการไว้ 2 ประการ ได้แก่
คุ้มครองสิทธิในที่ดิน และให้บริการด้วยความโปร่งใส รวดเร็ว ถูกต้อง สุจริต เสมอภาค ยุติธรรม ตรวจสอบได้ทุกระดับ ซึ่งในระยะแรก กรมที่ดินมุ่งเน้นการดำเนินงานบริการเป็นหลัก
การกำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ
ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ (Critical Success Factor - CSF)
คือปัจจัยที่มีความสำคัญยิ่งต่อการบรรลุความสำเร็จตามวิสัยทัศน์ และเป็นแนวทางที่ยึดโยงการปฏิบัติงานทุกระดับให้มุ่งไปในทิศทางเดียวกัน อันจะทำให้เจ้าหน้าที่และผู้บริหารรู้ว่าต้องทำสิ่งใดบ้างเพื่อให้ผลสัมฤทธิ์ของ องค์กรตอบสนองวิสัยทัศน์
ปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จนั้น จะต้องมีความสัมพันธ์โดยตรงกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ และวัตถุประสงค์ขององค์กร และควรมุ่งเน้นเฉพาะงานที่สำคัญเท่านั้น สำหรับกรมที่ดินได้กำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จทั้ง 4 ด้านรวม 10 ตัว
การกำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก (Key Performance Indicator – KPI)
คือตัวชี้วัด ความก้าวหน้าของการบรรลุปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักที่ดีต้องมีความถูกต้อง เหมาะสม สามารถที่จะโน้มน้าวให้ทุกคนในองค์กร และผู้มีส่วนได้เสีย ตลอดจนสาธารณชนเชื่อถือผลงานที่วัดจากตัวชี้วัดเหล่านี้ ในเบื้องต้นกรมที่ดินได้กำหนดตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักรวมทั้งสิ้น 17 ตัว
การกำหนดแหล่งข้อมูล
การกำหนดแหล่งข้อมูล เป็นขั้นตอนต่อจากการกำหนดปัจจัยหลักแห่งความสำเร็จ และตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก เพื่อให้ทราบว่ามีข้อมูลที่ต้องการใช้วัดผลการปฏิบัติงานอยู่แล้วหรือไม่ เก็บอยู่ในรูปแบบใด เป็นเอกสารหรืออยู่ในระบบฐานข้อมูลคอมพิวเตอร์ แหล่งข้อมูลนั้นอยู่ในความรับผิดชอบของสำนัก/กอง หรือหน่วยงานใด
การตั้งเป้าหมาย
เป้าหมาย คือระดับ หรือมาตรฐานของผลการปฏิบัติงานที่องค์กรกำหนดขึ้นสำหรับใช้เป็นหลักเปรียบเทียบเพื่อวัดความก้าวหน้า ความสำเร็จขององค์กร
หัวหน้าส่วนราชการจะเป็นผู้กำหนดเป้าหมายของตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักแต่ละตัว เนื่องจากหัวหน้าส่วนราชการเป็นผู้กำหนดนโยบายการปฏิบัติงาน เป็นผู้ชี้ทิศทางขององค์กร และเป็นผู้รับผิดชอบผลการทำงานในภาพรวม
การรวบรวมข้อมูล
วิธีการรวบรวมข้อมูลผลการปฏิบัติงานเพื่อนำไปเปรียบเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ของ ตัวชี้วัดแต่ละตัว สามารถกระทำได้หลายวิธี เช่น
-
การรวบรวมข้อมูลโดยใช้โปรแกรมสำหรับการคำนวณ เช่น Microsoft Excel
ช่วยคำนวณหรือหากจำนวนข้อมูลไม่มากก็ใช้วิธีการแจงนับด้วยมือ
-
การสำรวจอาจทำโดยการส่งแบบสอบถาม การสำรวจผ่านทางโทรศัพท์หรือทางอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
-
การสังเกต หรือวิธีการอื่นๆ โดยใช้กลไกง่ายๆที่จะใช้ในการรวบรวมข้อมูลผลการปฏิบัติงาน เป็นต้น
การบันทึกข้อมูลและการอนุมัติข้อมูล
หลังจากที่กรมที่ดิน โดยกองแผนงาน ได้รับรายงานผลการปฏิบัติงานแต่ละรอบเวลา เจ้าหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายจะบันทึกค่าตัวชี้วัดฯเข้าสู่ระบบงานประยุกต์ของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ และผู้ซึ่งได้รับมอบอำนาจจากผู้บริหารระดับสูงขององค์กรจะเป็นผู้ตรวจสอบและอนุมัติความถูกต้องของข้อมูล ขั้นตอนนี้มีความสำคัญเนื่องจากหลังการอนุมัติเสร็จสิ้น ค่าตัวชี้วัด ดังกล่าวจะถูกส่งไปยังระบบงานประยุกต์ผ่านอินเตอร์เน็ต(สำนักงาน ก.พ. เป็นผู้ออกแบบ และอนุญาตให้กรมที่ดินใช้งาน)
เพื่อการวิเคราะห์และรายงานผลสัมฤทธิ์สำหรับผู้บริหารต่อไป
การวิเคราะห์
หลังการอนุมัติค่าตัวชี้วัด(ข้อมูล)
ระบบงานประยุกต์ดังกล่าวจะวิเคราะห์ และแสดงให้เห็นถึงค่าความสำเร็จของผลการปฏิบัติงานว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ เพียงใด ถ้าผลการปฏิบัติงานนั้นๆ ไม่อยู่ในเกณฑ์ปกติ สูงหรือต่ำเกินไป ควรหาสาเหตุและเสนอเป็นทางเลือกเพื่อปรับปรุง ประสิทธิภาพของงานต่อผู้บริหารต่อไป
การรายงานผล
ผู้บริหารระดับสูงสามารถเข้าดูรายงานผล(ผ่านรหัสที่ได้รับ)
จากระบบงานประยุกต์ของการบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ทางอินเตอร์เน็ตได้โดยตรงตลอดเวลา รอบระยะเวลาของการรายงานผลขึ้นอยู่กับความถี่ที่ใช้จัดเก็บข้อมูลตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลัก
ตัวชี้วัดผลการดำเนินงานหลักที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานที่ดิน
อ้างอิงจาก กรอบการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกรมที่ดินข้างต้น ตัวชี้วัดฯที่มีบทบาท และเกี่ยวข้องกับสำนักงานที่ดิน จัดได้เป็น 2 กลุ่ม;
ด้านผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกองค์กร และด้านองค์ประกอบภายใน
1. ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกองค์กร
ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกองค์กร (External Perspective)
หมายถึงองค์กรหรือบุคคลภายนอกที่มีส่วนเกี่ยวข้องที่สำคัญต่อการบรรลุวัตถุประสงค์ของกรมที่ดิน ได้แก่ ผู้รับบริการ รวมทั้ง ประชาชน หน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ และเอกชน ตัวชี้วัดฯในด้านผู้ที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานที่ดินมี 5 ตัวชี้วัด ได้แก่
1.1 ร้อยละของผลผลิตด้านงานทะเบียนที่เสร็จตามเวลามาตรฐาน
งานบริการด้านทะเบียน หมายถึงการจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดิน และอสังหาริมทรัพย์อย่างอื่น ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ประเภทที่ไม่ต้องประกาศ และไม่ต้องทำการรังวัด
เวลามาตรฐานอ้างอิงจากระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการปฏิบัติราชการเพื่อประชาชน พ.ศ.2542
ที่ได้กำหนดเวลาดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2:30
ชั่วโมงต่อเรื่อง ทั้งนี้นับเฉพาะเวลาปฏิบัติจริง โดยไม่รวมระยะเวลาที่รอเรื่อง ในการจัดเก็บข้อมูลนั้น สำนักงานที่ดินสามารถใช้บัตรคิววิเคราะห์ค่าเฉลี่ยเวลาที่ใช้ในการปฎิบัติแต่ละราย การรายงานขอให้สำนักงานที่ดินรายงานทุกๆเดือน ที่ใต้ตารางที่ 5 ในแบบ บ.ท.ด. 72 ดังตัวอย่างต่อไปนี้
“จำนวนงานประเภทแล้วเสร็จในวันเดียว(งานเกิด)
รวม......ราย สามารถให้บริการแล้วเสร็จในเวลามาตรฐาน รวม.....
ราย (คิดเป็นร้อยละ..........)”
1.2 ร้อยละของผลผลิตด้านงานรังวัดที่เสร็จตามเวลามาตรฐาน
งานบริการด้านรังวัด หมายถึงการรังวัดที่ดินตามคำขอทุกประเภทของสำนักงานที่ดินจังหวัดและสาขา
เวลามาตรฐานอ้างอิงจากระเบียบกรมที่ดินว่าด้วยการปฎิบัติราชการเพื่อประชาชน พ.ศ.2542 (กรณีไม่มีปัญหา)
กำหนดเวลาให้ฝ่ายรังวัดส่งเรื่องการรังวัดแก่ฝ่ายทะเบียนภายใน 34
วันทำการ นับแต่วันทำการรังวัดเสร็จ ข้อมูลที่ขอให้รายงานได้แก่ จำนวนงานรังวัดที่ส่งให้ฝ่ายทะเบียนทั้งหมดในรอบเดือน(ราย),
จำนวนงานรังวัดที่ส่งให้ฝ่ายทะเบียนภายในเวลามาตรฐาน (34
วันทำการ),
ร้อยละของงานรังวัดที่เสร็จตามเวลามาตรฐาน โดยให้จัดทำการรายงานเพิ่มเติมในแบบ ร.ว.19
ก.
ในวิธีการจัดเก็บข้อมูล ขอให้สำนักงานที่ดินจัดเก็บเวลาการดำเนินการได้จากบันทึกหน้าเรื่องการรังวัดที่ดิน (ท.ด.82) หรือ ร.ว.12
1.3 ร้อยละของผู้รับบริการที่มีความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ความพึงพอใจวัดได้จาก ความรวดเร็ว เสมอภาค โปร่งใส และมีคุณภาพ วิธีการจัดเก็บ ข้อมูลประเภทนี้ ใช้การสำรวจ และออกแบบสอบถามทุก 6 เดือนโดยกำหนดกลุ่มตัวแทน ร้อยละ 5 ของผู้ใช้บริการในแต่ละสำนักงานที่ดิน
1.4 ร้อยละของผู้รับบริการที่รับทราบข้อมูลจากการประชาสัมพันธ์และการแนะนำของกรมที่ดิน
การประชาสัมพันธ์หมายถึง การเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชน สื่อบุคคล เอกสารเผยแพร่ อินเตอร์เน็ต ฯลฯ โดยกรม/สำนักงานที่ดิน การจัดเก็บข้อมูลประเภทนี้ ใช้วิธีการออกแบบสอบถามทุก 6 เดือน โดยกำหนดกลุ่มตัวแทนร้อยละ 5 ของผู้ใช้บริการในแต่ละสำนักงานที่ดิน
1.5 ร้อยละของผู้มีสิทธิในที่ดินที่เชื่อมั่นในการคุ้มครองสิทธิโดยกรมที่ดิน
ผู้มีสิทธิในที่ดิน หมายถึงเจ้าของที่ดินที่มาติดต่อขอรับบริการ การจัดเก็บข้อมูลประเภทนี้ ใช้วิธีการออกแบบสอบถามทุก 6 เดือนเช่นเดียวกัน โดยกำหนดกลุ่มตัวแทนร้อยละ 5 ของผู้ใช้บริการในแต่ละสำนักงานที่ดินเช่นเดียวกัน
2. องค์ประกอบภายในองค์กร
องค์ประกอบภายในองค์กร (Internal Perspective)
หมายถึงกระบวนการทำงานและการให้บริการ การพัฒนาบุคลากรทั้งด้านสมรรถนะ คุณธรรม และจริยธรรมของเจ้าหน้าที่ ตลอดจนสิ่งแวดล้อมภายในกรมที่ดิน ตัวชี้วัดฯในด้านองค์ประกอบภายในสำนักงานที่ดินมี 3 ตัวชี้วัด ได้แก่
2.1 ร้อยละของบุคลากรที่ได้รับการพัฒนาในหลักสูตรที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน และหลักสูตรสร้างจิตสำนึกในการให้บริการที่จัดโดยกรมที่ดิน หรือสำนักงานที่ดินตามเป้าหมาย
การพัฒนา หมายถึงการเพิ่มประสิทธิภาพโดยผ่านการฝึกอบรมในหลักสูตรต่างๆ ที่จัดโดยกรมที่ดิน หรือแผน/ตารางสอนงานที่จัดทำโดยสำนักงานที่ดิน ข้อมูลประเภทนี้สำรวจได้จากจำนวนบุคลากร หรือเจ้าหน้าที่สำนักงานที่ดินที่ได้รับการพัฒนาและฝึกอบรมดังกล่าวทุก 6
เดือน (เป้าหมายที่ตั้งไว้ ประมาณร้อยละ 40
ของบุคลากร หรือเจ้าหน้าที่ทั้งหมด)
2.2 ร้อยละของผู้บริหารที่มีความพึงพอใจต่อการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่
ผู้บริหารในที่นี้ หมายถึงเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด และสาขา
**
เจ้าหน้าที่ หมายถึงบุคคลที่ปฏิบัติงานในสำนักงานที่ดินดังกล่าว การจัดเก็บข้อมูลจะ ดำเนินการโดยใช้แบบสอบถามทุก 6 เดือน
2.3 ร้อยละของเจ้าหน้าที่ที่มีความพึงพอใจในการปฏิบัติงานของตนเอง
เจ้าหน้าที่ หมายถึงบุคคลที่ปฏิบัติงานในสำนักงานที่ดินจังหวัด และสาขา (ไม่รวม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด และสาขา)
การจัดเก็บข้อมูลจะดำเนินการโดยใช้แบบสอบถาม (สำรวจไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 ของเจ้าหน้าที่)
ทุก 6 เดือน
การจัดเก็บข้อมูลตามข้อที่ 1.1 และ 1.2 จะดำเนินการทุกเดือน โดยเริ่มตั้งแต่ วันที่ 1 มกราคม 2545 เป็นต้นไป ส่วนข้อมูลประเภทอื่น กรมที่ดินจะจัดทำแบบสอบถาม ที่ชัดเจน เข้าใจง่าย ไม่ซ้ำซ้อน และจัดส่งในคราวเดียวกันไปยังสำนักงานที่ดินทั่วประเทศตามรอบระยะเวลาที่กำหนดไว้ (ในกรณีนี้ ทุก 6 เดือน)
เพื่อเป็นการลดภาระของสำนักงานที่ดินโดยที่ชุดแรกจะส่งไปประมาณเดือนกุมภาพันธ์ 2545
*
สำนักงานที่ดิน ในที่นี้ไม่รวมถึงสำนักงานที่ดินอำเภอ
** รวมหมายถึงเจ้าพนักงานที่ดินกรุงเทพมหานคร และสาขา