
พระราชบัญญัติ ช่างรังวัดเอกชน
พ.ศ. ๒๕๓๕ ……………………………………… ภูมิพลอดุลยเดช
ป.ร. ให้ไว้
ณ วันที่ ๒๕
กุมภาพันธ์
พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นปีที่
๔๗
ในรัชกาลปัจจุบัน
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ
ให้ประกาศว่า
โดยที่เป็นการสมควรให้มีกฎหมายว่าด้วยช่างรังวัดเอกชน
จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
ให้ตราพระราชบัญญัติขึ้นไว้โดยคำแนะนำและยินยอมของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
ทำหน้าที่รัฐสภา
ดังต่อไปนี้
มาตรา ๑
พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า
“พระราชบัญญัติช่างรังวัดเอกชน
พ.ศ. ๒๕๓๕”
มาตรา
๒
พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวัน
นับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป
มาตรา ๓
ในพระราชบัญญัตินี้
“ช่างรังวัดเอกชน”
หมายความว่า
ผู้ได้รับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามพระราชบัญญัตินี้
“สำนักงานช่างรังวัดเอกชน”
หมายความว่า
สำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ซึ่งได้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งตามพระราชบัญญัตินี้
“การรังวัด”
หมายความว่า
การใช้สิทธิทำการรังวัดที่ดินตามหมวด
๔
แห่งพระราชบัญญัตินี้
“เจ้าพนักงานที่ดิน”
หมายความว่า
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัด
เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขา
หรือเจ้าพนักงานที่ดินซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดหรือเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดสาขามอบหมาย
“พนักงานเจ้าหน้าที่”
หมายความว่า
ผู้ซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งให้ปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
“คณะกรรมการ”
หมายความว่า
คณะกรรมการช่างรังวัดเอกชน
“รัฐมนตรี”
หมายความว่า
รัฐมนตรีผู้รักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔
ท้องที่ใดจะให้เป็นเขตที่ช่างรังวัดเอกชนทำการรังวัดได้
ให้รัฐมนตรีกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา ๕
ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยรักษาการตามพระราชบัญญัตินี้
และให้มีอำนาจแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่
ออกกฎกระทรวงกำหนดค่าธรรมเนียมไม่เกินอัตราตามบัญชีท้ายพระราชบัญญัตินี้
และกำหนดกิจการอื่นเพื่อปฏิบัติการตามพระราชบัญญัตินี้
กฎกระทรวงนั้น
เมื่อได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วให้ใช้บังคับได้ หมวด
๑ คณะกรรมการช่างรังวัดเอกชน ……………………………………..
มาตรา
๖
ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง
เรียกว่า “คณะกรรมการช่างรังวัดเอกชน”
ประกอบด้วย
อธิบดีกรมที่ดิน
เป็นประธานกรรมการ
นายช่างใหญ่กรมที่ดิน
ผู้แทนสำนักงานอัยการสูงสุด
ผู้แทนกรมแผนที่ทหาร
ผู้แทนสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา
และผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งรัฐมนตรีแต่งตั้งอีกไม่เกินเจ็ดคน
เป็นกรรมการ
และหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการช่างรังวัดเอกชนเป็นกรรมการและเลขานุการ
มาตรา ๗
ให้คณะกรรมการมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑)
กำหนดคุณวุฒิ
คุณสมบัติ
และพื้นความรู้ของผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
(๒)
ออกใบอนุญาตให้เป็นช่างรังวัดเอกชน
(๓)
ออกใบอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
(๔)
กำหนดมาตรฐานเครื่องมือรังวัดที่จะใช้ในการรังวัดของช่างรังวัดเอกชน
(๕)
ควบคุมสอดส่องความประพฤติและมรรยาทของช่างรังวัดเอกชน
(๖)
ห้ามทำการเป็นช่างรังวัดเอกชนหรือเพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
(๗)
เพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
(๘)
วางระเบียบหรือข้อบังคับเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของช่างรังวัดเอกชน
และสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
หรือเพื่อกิจการอื่นตามพระราชบัญญัตินี้
(๙)
ปฏิบัติการอื่นตามที่กำหนดในพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๘
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิมีวาระอยู่ในตำแหน่งคราวละสองปี
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพื้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้
มาตรา ๙
นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระตามมาตรา
๘
กรรมการผู้ทรงคุณวุฒพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
(๑)
ตาย
(๒)
ลาออก
(๓)
รัฐมนตรีให้ออกเพราะบกพร่องหรือไม่สุจริตต่อหน้าที่หรือหย่อนความสามารถ
(๔)
เป็นบุคคลล้มละลาย
(๕)
เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๖)
เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๗)
ได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
มาตรา
๑๐
ในกรณีที่มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในระหว่างที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งแต่งตั้งไว้แล้วยังมีวาระอยู่ในตำแหน่ง
ไม่ว่าจะเป็นการแต่งตั้งเพิ่มขึ้นหรือแต่งตั้งซ่อม
ให้ผู้ได้รับแต่งตั้งนั้นอยู่ในตำแหน่งเท่ากับวาระที่เหลืออยู่ของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งได้แต่งตั้งไว้แล้วนั้นหรือของกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งตนแทน
แล้วแต่กรณี
มาตรา ๑๑
ในกรณีที่กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิดำรงตำแหน่งครบตามวาระแล้ว
แต่ยังมิได้มีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
ให้กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิซึ่งพ้นจากตำแหน่งตามวาระปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อน
จนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิขึ้นใหม่
มาตรา ๑๒
การประชุมคณะกรรมการต้องมีกรรมการมาประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
ถ้าประธานกรรมการไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้กรรมการซึ่งมาประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
มาตรา ๑๓
มติของที่ประชุมให้ถือเสียงข้างมาก
กรรมการคนหนึ่งมีเสียงหนึ่งเสียงในการลงคะแนน
ถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มขึ้นอีกเสียงหนึ่งเป็นเสียงชี้ขาด
มติของที่ประชุมดังต่อไปนี้จะต้องประกอบด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของจำนวนกรรมการทั้งหมดตามมาตรา
๖
(๑)
มติให้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๔๓
(๒)
มติให้สั่งห้ามทำการเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๓)
(๓)
มติให้สั่งเพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๔)
มาตรา
๑๔
คณะกรรมการมีอำนาจแต่งตั้งคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาหรือปฏิบัติการตามที่คณะกรรมการมอบหมาย
และให้นำมาตรา
๑๒ และมาตรา
๑๓
มาใช้บังคับแก่การประชุมของคณะอนุกรรมการโดยอนุโลม
เมื่อคณะอนุกรรมการได้กระทำการตามวรรคหนึ่งแล้ว
ให้รายงานคณะกรรมการทราบ
มาตรา ๑๕
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้
ให้กรรมการหรืออนุกรรมการซึ่งได้รับมอบหมายจากคณะกรรมการและให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจดังต่อไปนี้
(๑)
มีหนังสือเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องมาให้ถ้อยคำ
หรือสั่งให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานอื่นใดที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา
(๒)
เข้าไปยังสถานที่หรือที่ดินของบุคคลใดในระหว่างเวลาพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตกเพื่อตรวจสอบการรังวัด
แต่จะต้องแจ้งเป็นหนังสือให้ผู้ครอบครองสถานที่หรือที่ดินนั้นทราบก่อน
และให้ผู้ครอบครองสถานที่หรือที่ดินนั้นอำนวยความสะดวกตามสมควร
ในการนี้ให้กรรมการ
อนุกรรมการ
หรือพนักงานเจ้าหน้าที่แสดงบัตรประจำตัวต่อผู้ที่เกี่ยวข้อง
บัตรประจำตัวตาม(๒)
ให้เป็นไปตามแบบที่รัฐมนตรีกำหนด
โดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
มาตรา
๑๖
ในการปฏิบัติหน้าที่ตามพระราชบัญญัตินี้ให้กรรมการ
อนุกรรมการและพนักงานเจ้าหน้าที่เป็นเจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา
มาตรา ๑๗
ให้จัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการช่างรังวัดเอกชนขึ้นในกรมที่ดิน
กระทรวงมหาดไทย
โดยมีหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการช่างรังวัดอกชน
เป็นนายทะเบียนและเป็นผู้บังคับบัญชาและรับผิดชอบ
ในการปฏิบัติราชการของสำนักงานและมีอำนาจหน้าที่ดังต่อไปนี้
(๑)
ปฏิบัติงานธุรการของคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการตามพระราชบัญญัตินี้
(๒)
จัดทำและรักษาทะเบียนช่างรังวัดเอกชนและทะเบียนสำนักงานช่างรังวัดเอกชนและจดแจ้งคำสั่งของคณะกรรมการและคำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตรีไว้ในทะเบียนดังกล่าว
(๓)
ปฏิบัติการอื่นตามมติที่คณะกรรมการหรือมติคณะอนุกรรมการมอบหมาย หมวด
๒ การอนุญาตให้เป็นช่างรังวัดเอกชน …………………………………….
มาตรา
๑๘
ผู้ใดจะทำการเป็นช่างรังวัดเอกชนต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๑๙
ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม
ดังต่อไปนี้
(๑)
มีสัญชาติไทย
(๒)
มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(๓)
มีคุณวุฒิตามที่คณะกรรมการกำหนดโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา
(๔)
ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีเงินเดือนและตำแหน่งประจำหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
(๕)
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
หรือเป็นโรคตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนดในราชกิจจานุเบกษา
(๖)
ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๗)
ไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
และมีผู้รับรองความประพฤติตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
(๘)
ไม่เคยถูกทางราชการหรือรัฐวิสาหกิจลงโทษไล่ออก
ปลดออก
ให้ออก
หรือเลิกจ้าง
ทั้งนี้เพราะเหตุทุจริตต่อหน้าที่
(๙)
ไม่เคยต้องโทษจำคุกในคดีที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์สุจริตแห่งวิชาชีพ
(๑๐)
ไม่เป็นผู้ถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๔)
เว้นแต่ได้พ้นเวลาห้าปีไปแล้ว
นับแต่วันถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
มาตรา
๒๐
การขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนให้ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการ
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
ตามวรรคหนึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๑๙
ให้มีมติอนุญาตให้ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนได้
และให้นายทะเบียนรับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนพร้อมทั้งบัตรประจำตัวให้การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้เป็นช่างรังวัดเอกชน
ให้คณะกรรมการพิจารณาให้แล้วเสร็จ และนายทะเบียนแจ้งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันยื่นคำขอที่มีรายละเอียดถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดในกฎกระทรวงมาตรา
๒๓
มาตรา ๒๑
ในกรณีที่ใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนหรือบัตรประจำตัวของช่างรังวัดเอกชนชำรุดหรือสูญหาย
ให้ช่างรังวัดเอกชนนั้นยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตหรือคำขอออกบัตรประจำตัวใหม่ต่อนายทะเบียน
มาตรา ๒๒
ช่างรังวัดเอกชนจะทำการรังวัดหรือตรวจสอบรับรองผลการรังวัดตามพระราชบัญญัตินี้ได้ต่อเมื่อได้เข้าอยู่ในสังกัดสำนักงานช่างรังวัดเอกชนแห่งใดแห่งหนึ่งแล้ว ห้ามมิให้ช่างรังวัดเอกชนเข้าอยู่ในสังกัดสำนักงานช่างรังวัดเอกชนเกินหนึ่งแห่งในขณะเดียวกัน
มาตรา ๒๓
การขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
การออกใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตและการออกบัตรประจำตัวช่างรังวัดเอกชน
ให้เป็นไปตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง หมวด
๓ สำนักงานช่างรังวัดเอกชน ………………………………………..
มาตรา
๒๔
ผู้ใดจะจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนต้องได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๒๕
ผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะ ต้องห้ามดังต่อไปนี้
(๑)
มีสัญชาติไทย
(๒)
มีอายุไม่ต่ำกว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(๓)
ไม่เป็นข้าราชการซึ่งมีเงินเดือนและตำแหน่งประจำหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ
(๔)
ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
หรือถูกศาลสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
(๕)
ไม่เป็นบุคคลวิกลจริตหรือจิตฟั่นเฟือนไม่สมประกอบ
(๖)
ไม่เป็นคนไร้ความสามารถหรือคนเสมือนไร้ความสามารถ
(๗)
ไม่เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก
เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๘)
ไม่เคยถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ตามมาตรา ๔๓
หรือใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๔)
ในกรณีที่ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคล
นิติบุคคลนั้นต้องมีสัญชาติไทยและไม่มีลักษณะต้องห้ามตาม
(๔) และ (๘) ด้วย
นิติบุคคลที่มีสัญชาติไทยตามวรรคสอง
หมายถึง
บริษัทจำกัดหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคลที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทยซึ่ง
(๑)
มีทุนเกินกึ่งหนึ่งเป็นของคนสัญชาติไทย
และ
(๒)
มีคนสัญชาติไทยเป็นผู้ถือหุ้นหรือเป็นหุ้นส่วนเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นส่วน
มาตรา ๒๖
การขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนให้ยื่นคำขอต่อคณะกรรมการ
เมื่อคณะกรรมการพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามวรรคหนึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๒๕
และมีหลักฐานแสดงได้ว่าสามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดตามมาตรา
๒๘
ให้มีมติอนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนได้
ให้นายทะเบียนรับขึ้นทะเบียนและออกใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนให้
การอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้จัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ให้คณะกรรมการพิจารณาให้แล้วเสร็จ
และนายทะเบียนแจ้งให้ผู้ขอรับใบอนุญาตทราบภายในหกสิบวันนับแต่วันยื่นคำขอที่มีรายละเอียดถูกต้องและครบถ้วนตามที่กำหนดในกฎกระทรวงตามมาตรา
๒๘
มาตรา ๒๗
ในกรณีที่ใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนชำรุดหรือสูญหายให้ผู้รับใบอนุญาตยื่นคำขอรับใบแทนใบอนุญาตต่อนายทะเบียน
มาตรา ๒๘
การขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
การออกใบอนุญาตและใบแทนใบอนุญาตให้เป็นไปตามแบบและวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
กฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง
จะกำหนดเงื่อนไขให้ผู้รับใบอนุญาตต้องปฏิบัติเกี่ยวกับช่างรังวัดเอกชนที่จะเข้าสังกัด
ประเภทและจำนวนของเครื่องมือรังวัดที่จะต้องมีด้วยก็ได้
มาตรา ๒๙
ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประจำปีตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประจำปี
ผู้รับใบอนุญาตดังกล่าวต้องชำระเงินเพิ่มอีกร้อยละยี่สิบของจำนวนค่าธรรมเนียมที่ค้างชำระ
การชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประจำปี
จะชำระโดยการส่งธนาณัติหรือการส่งตั๋วแลกเงินของธนาคารโดยทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับสั่งจ่ายให้แก่สำนักงานคณะกรรมการช่างรังวัดเอกชนก็ได้
และให้ถือว่าวันที่ได้ส่งทางไปรษณีย์เป็นวันชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประจำปี
มาตรา
๓๐
ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนต้องมีสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามสถานที่ที่ระบุไว้ในใบอนุญาต
และต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
ตามมาตรา๒๘
วรรคสอง
ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนแสดงใบอนุญาตไว้ในที่เปิดเผยเห็นได้ง่าย
ณ สำนักงานช่างรังวัดเอกชน
การย้ายสำนักงานช่างรังวัดเอกชนจะกระทำได้ต่อเมื่อได้แจ้งให้นายทะเบียนทราบตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๑
สำนักงานช่างรังวัดเอกชนจะดำเนินการได้ต้องมีผู้จัดการซึ่งเป็นช่างรังวัดเอกชน
ให้ผู้จัดการเป็นผู้ทำการแทนสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ในกรณีที่ผู้จัดการสำนักงานช่างรังวัดเอกชนไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้
ให้ช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัดคนหนึ่งเป็นผู้ทำการแทน
การใดที่ผู้จัดการหรือผู้ทำการแทนกระทำไปในกิจการที่เกี่ยวกับการดำเนินการของสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ให้ถือว่าเป็นการกระทำของผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
และให้นำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยตัวแทนมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๓๒
ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนแจ้งชื่อผู้จัดการและชื่อช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัดต่อนายทะเบียนก่อนเริ่มดำเนินการ
และในกรณีที่มีการเปลี่ยนผู้จัดการหรือช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัด
ให้แจ้งให้นายทะเบียนทราบตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๓๓
ห้ามผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนรับบุคคลใดเข้าทำงานเป็นช่างรังวัดเอกชนในสำนักงานของตนโดยผู้นั้นไม่มีใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
หรือผู้นั้นถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๔)
ห้ามผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนใช้ผู้ที่ถูกห้ามทำการเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๓)
หรือถูกเพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๔)
ทำการรังวัดในกิจการของสำนักงาน
มาตรา ๓๔
ผู้จัดการสำนักงานช่างรังวัดเอกชนหรือผู้ทำการแทนมีอำนาจหน้าที่เกี่ยวกับการรังวัดดังต่อไปนี้
(๑)
ทำสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดินเป็นหนังสือโดยมีรายละเอียดอย่างน้อยตามแบบที่คณะกรรมการกำหนด
(๒)
ตรวจสอบและลงชื่อรับรองผลการรังวัดของช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัด
(๓)
ในกรณีที่ผู้จัดการสำนักงานช่างรังวัดเอกชนเป็นผู้ทำการรังวัดด้วยตนเองจะต้องมีช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัดตรวจสอบและลงชื่อรับรองผลการรังวัดด้วย
(๔)
ปฏิบัติการอื่นตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัตินี้
สัญญาจ้างทำการรังวัดที่ดินใดที่มีเงื่อนไขเพื่อให้ช่างรังวัดเอกชนหรือสำนักงานช่างรังวัดเอกชนไม่ต้องรับผิดแตกต่างไปจากพระราชบัญญัตินี้
ให้เป็นโมฆะ
เว้นแต่จะได้รับความเห็นชอบเป็นหนังสือจากคณะกรรมการ
เงื่อนไขใดที่คณะกรรมการให้ความเห็นชอบแล้วให้ใช้ได้ตลอดไป
จนกว่าคณะกรรมการจะสั่งเป็นอย่างอื่น
มาตรา
๓๕
ในการปฏิบัติตามพระราชบัญญัตินี้
ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ต้องร่วมกันรับผิดกับผู้จัดการสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัด
และลูกจ้างของสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
สำหรับการกระทำที่ได้กระทำไปในกิจการของสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
มาตรา ๓๖
ใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนสิ้นสุดลงในกรณีดังต่อไปนี้
(๑)
ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตาย
(๒)
นิติบุคคลผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนสิ้นสภาพการเป็นนิติบุคคล
(๓)
คณะกรรมการสั่งให้เลิกสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๔๒
(๔)
คณะกรรมการสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๔๓
มาตรา ๓๗
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตาย
ถ้าทายาทหรือผู้จัดการมรดกซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๒๕
ประสงค์จะประกอบกิจการสำนักงานช่างรังวัดเอกชนต่อไป
ให้ยื่นคำขอรับโอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนต่อนายทะเบียนภายในหนึ่งปีนับแต่วันที่ผู้รับใบอนุญาตตาย
เมื่อทายาทหรือผู้จัดการมรดกยื่นคำขอรับโอนใบอนุญาตภายในกำหนดระยะเวลาตามวรรคหนึ่งและคณะกรรมการมีมติให้โอนแล้ว
ให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ใหม่
ในระหว่างระยะเวลาตามวรรคหนึ่ง
ให้ผู้จัดการหรือผู้ทำการแทนตามมาตรา
๓๑
ดำเนินงานรังวัดที่ค้างอยู่ต่อไปได้จนกว่าทายาทหรือผู้จัดการมรดกจะได้รับโอนใบอนุญาตตามวรรคสอง
มาตรา ๓๘
ในกรณีที่ผู้จัดการมรดกเป็นผู้รับโอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ตามมาตรา
๓๗
เมื่อผู้จัดการมรดกจะโอนใบอนุญาตดังกล่าวให้ทายาท
ซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๒๕
ให้ยื่นคำขอโอนใบอนุญาตต่อนายทะเบียนและเมื่อคณะกรรมการมีมติให้โอนแล้วให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ใหม่
มาตรา ๓๙
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนประสงค์จะโอนการประกอบกิจการสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ให้ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนและผู้รับโอนซึ่งมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๒๕
ยื่นคำขอโอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนต่อนายทะเบียน
เมื่อคณะกรรมการมีมติให้โอนแล้ว
ให้นายทะเบียนออกใบอนุญาตให้ใหม่
มาตรา ๔๐
ผู้รับโอนใบอนุญาตตามมาตรา
๓๗ มาตรา ๓๘
และมาตรา ๓๙
ย่อมรับโอนไปทั้งสิทธิและหน้าที่ของผู้โอนใบอนุญาตเกี่ยวกับการดำเนินงานรังวัดที่ค้างอยู่ตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔๑
การขอรับโอนใบอนุญาตตามมาตรา
๓๗ มาตรา ๓๘
และมาตรา ๓๙
ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์
วิธีการและเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา
๔๒
ในกรณีที่ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนประสงค์จะเลิกสำนักงานให้แจ้งต่อนายทะเบียน
และเมื่อนายทะเบียนได้ตรวจสอบแล้วว่างานที่ทำสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดินไว้นั้น
ดำเนินการเสร็จและมีการส่งเอกสารและหลักฐานตามมาตรา
๕๔
วรรคหนึ่ง
ต่อเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว
ให้นายทะเบียนเสนอคณะกรรมการเพื่อพิจารณาสั่งให้เลิกสำนักงานได้
มาตรา ๔๓
คณะกรรมการมีอำนาจออกคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนในกรณีดังต่อไปนี้
(๑)
ผู้รับใบอนุญาตขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๒๕
(๒)
ผู้รับใบอนุญาตฝ่าฝืนมาตรา
๔๗
(๓)
ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงานที่ดินตามมาตรา
๕๕
(๔)
ผู้รับใบอนุญาตไม่ปฏิบัติตามกฎกระทรวง
ระเบียบ
หรือคำสั่งที่เกี่ยวกับการรังวัดที่ออกตามประมวลกฎหมายที่ดิน
หรือไม่ควบคุมหรือตรวจสอบการรังวัดที่ดินของช่างรังวัดเอกชนที่อยู่ในสังกัดของตน
จนเป็นเหตุให้งานรังวัดผิดพลาดหรือมีพฤติการณ์ที่ไม่สุจริต
โดยได้รับคำเตือนเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว
และคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้เพิกถอนใบอนุญาต
(๕)
ผู้รับใบอนุญาตไม่ดำเนินการตามสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดินให้เสร็จภายในเวลาอันสมควร
โดยได้รับคำเตือนเป็นหนังสือจากเจ้าพนักงานที่ดินแล้ว
และคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้เพิกถอนใบอนุญาต
(๖)
ผู้รับใบอนุญาตไม่แจ้งการเลิกสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๔๒
หรือไม่ชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประจำปีเป็นเวลานานเกินหกเดือน
และคณะกรรมการพิจารณาเห็นสมควรให้เพิกถอนใบอนุญาต
ให้นายทะเบียนแจ้งคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาตไปยังผู้รับใบอนุญาตภายในสิบห้าวันนับแต่คณะกรรมการมีคำสั่งเพิกถอนใบอนุญาต หมวด
๔ สิทธิทำการรังวัดที่ดิน
และสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดิน …………………………………………………..
มาตรา
๔๔
ช่างรังวัดเอกชนมีสิทธิทำการรังวัดตามประมวลกฎหมายที่ดินได้เฉพาะที่ดินที่มีโฉนดที่ดินเพื่อการสอบเขต
แบ่งแยก
หรือรวมที่ดินหลายแปลงเข้าเป็นแปลงเดียวกัน
โดยปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๔๕
เมื่อผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินประสงค์จะขอรังวัดที่ดินเพื่อการสอบเขต
แบ่งแยก
หรือรวมที่ดินหลายแปลงเข้าเป็นแปลงเดียวกัน
โดยให้ช่างรังวัดเอกชนเป็นผู้ทำการรังวัดตามพระราชบัญญัตินี้
ให้ยื่นคำขอรังวัดที่ดินตามประมวลกฎหมายที่ดิน
พร้อมทั้งระบุสำนักงานช่างรังวัดเอกชนที่จะให้ทำการรังวัด
มาตรา
๔๖
เมื่อผู้แทนสำนักงานช่างรังวัดเอกชนนำสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดินที่ทำไว้กับผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินตามมาตรา
๓๔ รายใด
มาแสดงต่อเจ้าพนักงานที่ดิน
ให้เจ้าพนักงานที่ดินมอบสำเนาเอกสารที่ผู้มีกรรมสิทธิในที่ดินรายนั้นยื่นคำขอรังวัดไว้ตามมาตรา
๔๕
พร้อมด้วยสำเนาเอกสารเกี่ยวกับการแผนที่และเอกสารอื่นที่จำเป็นในการทำการรังวัดซึ่งเจ้าพนักงานที่ดินรับรองแล้ว
ให้ไปดำเนินการรังวัดโดยไม่ชักช้า
ให้เรียกค่าธรรมเนียมจากสำนักงานช่างรังวัดเอกชนได้เฉพาะค่าคัดสำเนาเอกสารตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง
มาตรา ๔๗
เมื่อได้แสดงสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดินต่อเจ้าพนักงานที่ดินตามมาตรา
๔๖ แล้ว ห้ามมิให้สำนักงานช่างรังวัดเอกชนโอนหรือมอบหมายงานรังวัดนั้นให้สำนักงานช่างรังวัดเอกชนอื่นทำการแทน
เว้นแต่เป็นความประสงค์ของผู้ว่าจ้างและได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานที่ดินตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา ๔๘
เพื่อประโยชน์ในการรังวัด
ให้ช่างรังวัดเอกชนและคนงานของช่างรังวัดเอกชนมีสิทธิเข้าไปในที่ดินของบุคคลอื่นในเวลาระหว่างพระอาทิตย์ขึ้นถึงพระอาทิตย์ตก
แต่ต้องแจ้งให้ผู้มีสิทธิในที่ดิน หรือผู้ครอบครองที่ดินนั้นทราบก่อน
ในการรังวัด
ให้ช่างรังวัดเอกชนมีสิทธิเคลื่อนย้าย
ถอดถอน
หรือจัดทำหลักหมายเขตที่ดิน
และในกรณีจำเป็นอาจขุดดิน
ตัด
รานกิ่งไม้
หรือกระทำการอย่างอื่นแก่สิ่งที่กีดขวางต่อการรังวัดในที่ดินที่ทำการรังวัดหรือในที่ดินข้างเคียงได้
ทั้งนี้
ต้องกระทำโดยระมัดระวังมิให้เกิดความเสียหายเกินความจำเป็น
มาตรา ๔๙
วิธีการรังวัดของช่างรังวัดเอกชน
ให้นำวิธีการรังวัดซึ่งกำหนดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๕๐
ในการรังวัด
ให้ช่างรังวัดเอกชนบันทึกถ้อยคำผู้ขอทำการรังวัดผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงหรือบุคคลที่เกี่ยวข้อง
และให้บุคคลดังกล่าวลงลายมือชื่อในเอกสารที่เกี่ยวข้อง
ตลอดจนรับเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการรังวัดนั้น
ในการรังวัด
ถ้าปรากฏว่ามีการคัดค้านเกี่ยวกับแนวเขตที่ดินหรือมีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิในที่ดินนั้นถ้าผู้ขอทำการรังวัด
ผู้คัดค้าน
และผู้มีสิทธิในที่ดินข้างเคียงยินยอมนำชี้เขตที่ดินของแต่ละฝ่ายแล้ว
ให้ช่างรังวัดเอกชนทำแผนที่แสดงเขตคัดค้านได้
ถ้ามีกรณีตามวรรคสอง
เมื่อช่างรังวัดเอกชนได้ส่งมอบเรื่องการรังวัดให้เจ้าพนักงานที่ดินตามมาตรา๕๔
แล้ว
ให้เจ้าพนักงานที่ดินดำเนินการไปตามมาตรา
๖๙ ทวิ
แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
มาตรา ๕๑
ช่างรังวัดเอกชนต้องใช้เครื่องมือรังวัดที่ได้ผ่านการตรวจสอบและมีการให้คำรับรองตามกฎหมายว่าด้วยมาตราชั่งตวงวัดแล้ว
และเป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนด
มาตรา
๕๒
สำนักงานช่างรังวัดเอกชนและช่างรังวัดเอกชนมีหน้าที่ดูแลเครื่องมือรังวัดที่ใช้ในการรังวัดตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา
๕๑
และให้พนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจเรียกเครื่องมือรังวัดมาตรวจสอบได้
หากพบว่าเครื่องรังวัดไม่เป็นไปตามระเบียบที่คณะกรรมการกำหนดตามมาตรา
๕๑ ให้พนักงานเจ้าหน้าที่สั่งห้ามใช้จนกว่าจะได้แก้ไขให้ถูกต้อง
มาตรา ๕๓
เมื่อช่างรังวัดเอกชนได้จัดทำหลักหมายเขตที่ดินลงในที่ดินแล้ว
แต่ยังมิได้ส่งงานรังวัดตามมาตรา
๕๔
ห้ามมิให้ผู้ใดนอกจากช่างรังวัดเอกชนผู้มีอำนาจกระทำการดังกล่าว
เจ้าพนักงานที่ดิน
หรือ ผู้ที่ได้รับมอบหมายจากเจ้าพนักงานที่ดินเคลื่อนย้ายหลักหมายเขตที่ดินนั้น
มาตรา ๕๔
เมื่อช่างรังวัดเอกชนได้ดำเนินการเรื่องรังวัดเสร็จแล้วให้ส่งเอกสารและหลักฐานที่ช่างรังวัดเอกชนได้จัดทำขึ้นหรือที่ได้รับไว้เกี่ยวกับการรังวัดนั้นต่อเจ้าพนักงานที่ดิน
ห้ามมิให้ผู้ใดเคลื่อนย้ายหลักหมายเขตที่ดิน
ภายหลังจากที่เจ้าพนักงานที่ดินได้รับเอกสารและหลักฐานตามวรรคหนึ่งแล้ว
เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานที่ดินหรือเจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้ทำการแก้ไขหรือทำการรังวัดใหม่
มาตรา ๕๕
ให้เจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบเอกสารและหลักฐานที่ช่างรังวัดเอกชนได้จัดทำขึ้นและส่งต่อเจ้าพนักงานที่ดินตามมาตรา
๕๔
วรรคหนึ่ง
ถ้าพบว่าเอกสารและหลักฐานใดยังคลาดเคลื่อนหรือไม่ถูกต้องหรือมีข้อบกพร่องในการรังวัด
ให้เจ้าพนักงานที่ดินมีอำนาจออกคำสั่งให้สำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ผู้รับจ้างแก้ไขเอกสารและหลักฐานนั้นหรือทำการรังวัดใหม่ภายในเวลาที่กำหนด
ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขเอกสารและหลักฐานหรือทำการรังวัดใหม่ให้สำนักงานช่างรังวัดเอกชนผู้รับจ้างเป็นผู้จ่าย
มาตรา ๕๖
การแก้ไขข้อบกพร่องหรือทำการรังวัดใหม่ตามมาตรา
๕๕
ในกรณีที่ใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนสิ้นสุดลงตามมาตรา
๓๖
ให้เจ้าพนักงานที่ดินสั่งให้ช่างรังวัดสังกัดกรมที่ดิน
ดำเนินการแก้ไขข้อบกพร่องหรือทำการรังวัดใหม่แทน
ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขข้อบกพร่องหรือทำการรังวัดใหม่
ให้ผู้ว่าจ้างเป็นผู้จ่ายตามอัตราของทางราชการ
แต่ไม่ตัดสิทธิผู้ว่าจ้างที่จะเรียกร้องค่าใช้จ่ายดังกล่าวจากผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนหรือผู้จัดการสำนักงานช่างรังวัดเอกชนหรือช่างรังวัดเอกชน
เมื่อทำสัญญารับจ้างทำการรังวัดที่ดินไว้แล้วแต่ยังไม่เริ่มดำเนินการ
หรือดำเนินการยังไม่เสร็จและใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนนั้นสิ้นสุดลงตามมาตรา
๓๖
ให้นำความในวรรคหนึ่งมาใช้บังคับโดยอนุโลม
มาตรา ๕๗
เมื่อเจ้าพนักงานที่ดินตรวจสอบและให้ความเห็นชอบเอกสารและหลักฐานเกี่ยวกับการรังวัดที่ดินที่ช่างรังวัดเอกชนส่งให้แล้ว
ให้ถือว่าการรังวัดนั้นเป็นการรังวัดโดยพนักงานเจ้าหน้าที่ตามประมวลกฎหมายที่ดิน
บทบัญญัติตามวรรคหนึ่ง
ไม่เป็นเหตุให้สำนักงานช่างรังวัดเอกชน
และช่างรังวัดเอกชนผู้กระทำการรังวัดที่ดินนั้นพ้นจากความรับผิดในทางแพ่งหรือทางอาญาเกี่ยวกับการรังวัดที่ดินดังกล่าว หมวด
๕ การประพฤติผิดมรรยาทและการขาดคุณสมบัติ …………………………………………….
มาตรา
๕๘
ช่างรังวัดเอกชนต้องปฏิบัติตามมรรยาทช่างรังวัดเอกชนตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
ช่างรังวัดเอกชนผู้ใดไม่ปฏิบัติตามมรรยาทช่างรังวัดเอกชนที่กำหนดในกฎกระทรวงตามวรรคหนึ่ง
ให้ถือว่าผู้นั้นประพฤติผิดมรรยาทช่างรังวัดเอกชน
มาตรา ๕๙
บุคคลใดได้รับความเสียหายจากการที่ช่างรังวัดเอกชนประพฤติผิดมรรยาทช่างรังวัดเอกชน
มีสิทธิกล่าวหาช่างรังวัดเอกชนนั้นว่าประพฤติผิดมรรยาทช่างรังวัดเอกชน
โดยยื่นเรื่องราวกล่าวหาต่อคณะกรรมการ
เมื่อปรากฏแก่พนักงานเจ้าหน้าที่ว่าช่างรังวัดเอกชนผู้ใดประพฤติผิดมรรยาทช่างรังวัดเอกชนพนักงานเจ้าหน้าที่มีอำนาจกล่าวหาได้ตามวรรคหนึ่ง
สิทธิกล่าวหาในวรรคหนึ่งและวรรคสองสิ้นสุดลงเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งปีนับแต่วันรู้เรื่องการประพฤติผิดมรรยาทช่างรังวัดเอกชนและรู้ตัวผู้ประพฤติผิด
แต่ต้องไม่เกินสามปีนับแต่วันประพฤติผิดมรรยาทช่างรังวัดเอกชน
การถอนเรื่องราวกล่าวหาที่ได้ยื่นไว้แล้วตามวรรคหนึ่งและวรรคสองไม่เป็นเหตุให้ระงับการสอบสวนเกี่ยวกับมรรยาทช่างรังวัดเอกชนตามพระราชบัญญัตินี้
มาตรา ๖๐
เมื่อคณะกรรมการได้รับเรื่องราวกล่าวหาช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๕๙ ให้คณะกรรมการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการประกอบด้วยอนุกรรมการไม่น้อยกว่าสามคนทำการสอบสวนข้อกล่าวหา
การพิจารณาสอบสวนข้อกล่าวหาของคณะอนุกรรมการให้เป็นไปตามระเบียบและข้อบังคับที่คณะกรรมการกำหนด
เมื่อคณะอนุกรรมการพิจารณาสอบสวนเสร็จแล้วให้เสนอสำนวนการสอบสวนพร้อมทั้งความเห็นไปยังคณะกรรมการโดยไม่ชักช้า
มาตรา ๖๑
เมื่อคณะกรรมการได้รับสำนวนการสอบสวนพร้อมทั้งความเห็นจากคณะอนุกรรมการแล้ว
ให้คณะกรรมการมีอำนาจวินิจฉัยชี้ขาดโดยทำเป็นคำสั่งอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑)
ยกข้อกล่าวหา
(๒)
ภาคทัณฑ์
(๓)
ห้ามทำการเป็นช่างรังวัดเอกชนมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควรแต่ไม่เกินหนึ่งปี
(๔)
เพิกถอนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้คณะอนุกรรมการทำการสอบสวนเพิ่มเติมก่อนวินิจฉัยชี้ขาดได้
มาตรา
๖๒
ให้นายทะเบียนแจ้งคำสั่งตามมาตรา
๖๑
ให้ผู้กล่าวหา
ผู้ถูกกล่าวหา
และสำนักงานช่างรังวัดเอกชนที่ช่างรังวัดเอกชนผู้ถูกกล่าวหานั้นอยู่ในสังกัดทราบภายในสามสิบวันนับแต่วันที่คณะกรรมการวินิจฉัยชี้ขาด
มาตรา ๖๓
เมื่อปรากฏแก่คณะกรรมการว่า
ช่างรังวัดเอกชนผู้ใดเป็นผู้ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา
๑๙
ไม่ว่าก่อนหรือหลังรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
คณะกรรมการมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบอนุญาตดังกล่าวได้
และให้นำมาตรา
๖๒
มาใช้บังคับโดยอนุโลม
การสั่งเพิกถอนใบอนุญาตตามวรรคหนึ่งไม่กระทบกระเทือนถึงการปฏิบัติเกี่ยวกับการรังวัดที่ช่างรังวัดเอกชนผู้นั้นได้กระทำมาก่อน หมวด
๖ การอุทธรณ์ …………………………………………..
มาตรา
๖๔
ในกรณีที่คณะกรรมการได้พิจารณาคำขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๒๐
คำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๒๖
คำขอรับโอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๓๗
หรือคำขอโอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๓๘
หรือมาตรา
๓๙
แล้วมีมติไม่อนุญาต
ให้ผู้ขอมีสิทธิอุทธรณ์ต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวัน
นับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งการไม่อนุญาต
ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์และให้คำวินิจฉัยอุทธรณ์ของรัฐมนตรีเป็นที่สุด
มาตรา ๖๕
ให้ผู้รับใบอนุญาตซึ่งถูกเพิกถอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๔๓
ใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๔)
และมาตรา ๖๓
หรือถูกภาคทัณฑ์ตามมาตรา
๖๑(๒)
หรือถูกห้ามทำการเป็นช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๖๑(๓)
มีสิทธิอุทธรณ์เป็นหนังสือต่อรัฐมนตรีภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งมติของคณะกรรมการ
ให้รัฐมนตรีวินิจฉัยอุทธรณ์ให้แล้วเสร็จภายในหกสิบวันนับแต่วันที่ได้รับอุทธรณ์และให้คำวินิจฉัยของรัฐมนตรีเป็นที่สุด
ในระหว่างที่ยังมิได้วินิจฉัยอุทธรณ์
ให้รัฐมนตรีมีอำนาจสั่งอนุญาตให้ทำการไปพลางก่อนได้เมื่อผู้อุทธรณ์ร้องขอ
หมวด
๗ บทกำหนดโทษ …………………………………………
มาตรา
๖๖
ผู้ใดไม่ปฏิบัติตามหนังสือเรียกมาให้ถ้อยคำหรือคำสั่งให้ส่งเอกสารหรือหลักฐานตามมาตรา
๑๕(๑)
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือนหรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖๗
ผู้ใดขัดขวางหรือไม่อำนวยความสะดวกในการตรวจสอบการรังวัดตามมาตรา
๑๕(๒) หรือขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของช่างรังวัดเอกชนตามมาตรา
๔๘
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
มาตรา ๖๘
ช่างรังวัดเอกชนผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๒๒
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามเดือน
หรือ ทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๖๙
ผู้ใดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนโดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามมาตรา
๒๔
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งปี
หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗๐
ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๓๐
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท
มาตรา ๗๑
ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชนผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา
๓๓
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗๒
ผู้รับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
หรือช่างรังวัดเอกชนผู้ใดฝ่าฝืนคำสั่งห้ามใช้เครื่องมือรังวัดตามมาตรา
๕๒
ต้องระวางโทษปรับไม่เกินห้าพ้นบาท
มาตรา ๗๓
ผู้ใดเคลื่อนย้ายหลักหมายเขตที่ดินที่ช่างรังวัดเอกชนได้ทำไว้ตามมาตรา
๕๓ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหนึ่งเดือน
หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๗๔
ผู้ใดเคลื่อนย้ายหลักหมายเขตที่ดินที่ช่างรังวัดเอกชนได้ทำไว้โดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานที่ดินตามมาตรา
๕๔ วรรคสอง
ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน
หรือปรับไม่เกินหกพันบาท
หรือทั้งจำทั้งปรับ ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ
อานันท์
ปันยารชุน
นายกรัฐมนตรี (ประกาศในราชกิจจานุเบกษา
เล่ม ๑๐๙
ตอนที่ ๑๖
ลงวันที่ ๔
มีนาคม ๒๕๓๕)
บัญชีอัตราค่าธรรมเนียม
๑.
คำขอรับใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
๒๐ บาท
๒.
คำขอรับใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
๒๐ บาท
๓.
คำขอรับโอนหรือโอนใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
๒๐ บาท
๔.
ใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
๕๐๐ บาท
๕.
ใบอนุญาตจัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
ปีละ
๑,๐๐๐ บาท
๖.
ใบแทนใบอนุญาตเป็นช่างรังวัดเอกชน
หรือใบแทนใบอนุญาต
จัดตั้งสำนักงานช่างรังวัดเอกชน
๑๐๐ บาท
๗.
ค่าตรวจสอบเครื่องมือรังวัด
ชิ้นละ
๕๐๐
บาท
๘.
ค่าคัดสำเนาหรือถ่ายเอกสาร
หน้าละ
๕ บาท
๙.
การรับรองสำเนาเอกสาร
ชุดละ
๑๐ บาท
หมายเหตุ
:- | เหตุผลในการประกาศใช้พระราชบัญญัติฉบับนี้
คือ
โดยที่ในปัจจุบันได้มีงานเกี่ยวกับ | | การรังวัดที่ดิน
ที่มีโฉนดที่ดินเพื่อการสอบเขตที่ดิน
การแบ่งแยกที่ดินออกเป็นหลายแปลง | | หรือการรวมที่ดินหลายแปลงเข้าเป็นแปลงเดียวกันเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก
และนับวันจะ | | เพิ่มมากยิ่งขึ้นตามลำดับ
ช่างรังวัดของกรมที่ดินที่มีอยู่ในขณะนี้มีไม่เพียงพอที่จะปฏิบัติการใน | | เรื่องดังกล่าวได้ทันความต้องการของประชาชน
ฉะนั้น
เพื่ออำนวยความสะดวกรวดเร็ว | | แก่ประชาชน
สมควรให้ช่างรังวัดเอกชนรับทำการรังวัดเพื่อการดังกล่าวได้โดยให้อยู่ภายใต้ | | การกำกับของกรมที่ดิน
จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้ | | |
|