บทความเฉลิมพระเกียรติรัชกาลที่ ๕

 

บทความเฉลิมพระเกียรติของรัชการที่ ๕ ที่แสดงถึงพระราชกรณียกิจที่มีต่องานด้านที่ดิน
 

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นพระราชโอรส ลำดับที่ ๙ สมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี แห่งราชจักรีวงศ์ พระองค์เสด็จพระราชสมภพเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๖ เสด็จขึ้นครองราชย์ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ และเสด็จสวรรคต พ.ศ.๒๔๕๓ รวมเวลาอยู่ในราชสมบัติ ๔๒ ปี เนื่องจากเป็นเวลายาวนานประกอบกับมีอิทธิพลทางตะวันตกแผ่เข้ามาในหลาย ๆด้าน ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางด้านสังคม เศรษฐกิจ การปกครองอย่างมากมายและรวดเร็ว ในตอนต้นรัชการมีการเปลี่ยนแปลงที่ค่อนข้างช้า ด้วยยังทรงพระเยาว์ จึงมีผู้สำเร็จราชการและขุนนางในรัชกาลที่ ๔ เป็นผู้บริหารราชการแผ่นดินที่ยังคงรักษาประเพณี และรสนิยมในรัชกาลก่อนอยู่ เมื่อทรงผนวชและทรงขึ้นครองราชย์สมบัติใน พ.ศ. ๒๔๑๗ จึงทรงมีอิสระมากขึ้นในการที่จะดำเนินนโยบายตามความคิดเห็นของพระองค์ได้มากขึ้นทั้งในด้านระเบียบธรรมเนียมราชสำนัก การเก็บภาษีจนถึงการให้ยุบบ่อนการพนันซึ่งมีอยู่อย่างมากมาย โปรดให้การเลิกทาสแบบค่อยเป็นค่อยไป วางรากฐานการศึกษา จัดตั้งกระทรวงกรมต่าง ๆ และในที่สุดการเสด็จประพาสยุโรป ครั้งที่ พ.ศ. ๒๔๔๐ ได้มาซึ่งการเปลี่ยนแปลงกรมต่าง ๆ และในวิถีชีวิตของชาวไทยทั้งประเทศ สภาพบ้านเมืองได้ขยายตัวเพิ่มขึ้น นับแต่ช่วงต้นรัชกาลมีประชากรประมาณ ๔ แสนคนเศษ ปลายรัชกาลราว พ.ศ. ๒๔๔๓ กรุงเทพฯ มีประชากรประมาณ ๖ แสนคน เนื้อที่ของกรุงเทพฯ มีอยู่ประมาณ ๘,๓๓๐ ไร่ บริเวณที่มีผู้คนอาศัยอยู่หนาแน่นนับแต่สมัยรัชกาลที่ ๔ จนถึงช่าวงต้นรัชกาลที่ ๕ จะอยู่ในเขตรอบกรุง เขตกำแพงพระนคร ต่อมาเขตความเจริญได้แผ่ขยายตัวออกมาจากแนวคลองผดุงกรุงเกษม โดยเฉพาะแถบล่างริมแม่น้ำเจ้าพระยา ริมถนนเจริญกรุงตอนใต้บริเวณถนนสี่พระยา ถนนสุรวงศ์ คลองสะพานยาว บางรักสีลม และสาธร บริเวณนี้เป็นที่ตั้งของศูนย์การค้าขายประกอบธุรกิจที่ตั้งของกงสุลและบ้านเรือนของชาวต่างประเทศ เนื่องจากในสมัยนั้นศูนย์กลางคมนาคมได้เปลี่ยนจากทางเรือมาเป็นทางบก ทำให้ที่ดินบริเวณริมถนนมีราคาแพงขึ้น เป็นโอกาสให้พวกนายทุนที่มองการณ์ไกลกว้างซื้อที่ดินในกรุงเทพฯ แล้วตัดถนนผ่านที่ดิน แบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อย ๆ สำหรับขายให้ ปลูกสร้างบ้านเรือน หรือปลูกสร้างอาคารให้เช่าอยู่อาศัย และทำการค้าขาย มีบุคคลท่านหนึ่งนามว่าเจ้าสัวยม เป็นบุตรของพระยาพิสณฑ์ ท่านผู้นี้ทราบความต้องการของพวกฝรั่งและพ่อค้าคหบดีจีนที่อยากปลูกบ้านใหญ่โตริมถนน หรือตั้งห้างริมถนน จึงได้กว้านซื้อที่ดินที่เป็นป่ารกอยู่ระหว่างถนนสีลมและบ้านทวาย แล้วจ้างกรรมกรชาวจีนขุดคลองใหญ่จากแม่น้ำเจ้าพระยาไปทางตะวันออก จนบรรจบกับคลองหัวลำโพง เอาดินมาถมฝั่งคลองทั้งสองฝากทำเป็นถนน ในปี พ.ศ. ๒๔๓๑ และแบ่งที่ดินเป็นแปลงย่อย ๆ ขายให้แก่ประชาชนทั่วไป บริเวณถนนบำรุงเมือง ถนนเจริญกรุง และถนนเยาวราชยังเป็นถนนสำคัญในเขตแนวกำแพงพระนครเดิม แต่พอพ้นจากเขตคลองผดุงกรุงเกษมออกไปเป็นชานพระนคร ในเขตนี้ทางแถบเหนือและตะวันออกส่วนใหญ่เป็นเขตวัด วังเจ้านายสลับกับที่นา มีบ้านเรือนไม่หนาแน่น ถนนเจริญกรุงตอนใต้ตั้งแต่สะพานดำรงสถิตออกไปนอกเขตกำแพงพระนคร จนถึงตลาดน้อย บางรัก ทั้งสองฟากเต็มไปด้วยร้านโรงมุงหลังคาด้วยจาก แถวเวิ้งนครเกษม มีบ้านมุงจากสลับกันไปกับโรงบ่อนเบี้ย เนื่องจากในรัชกาลนี้มีชาวต่างประเทศเข้ามาในลักษณะของการมาประกอบธุรกิจ การค้า การพูต การบริหารราชการแผ่นดินและแรงงานถูก ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับในรัชกาลที่ ๔ แต่เพิ่มปริมาณขึ้น ส่วนสำคัญที่น่าพิจารณาอยู่ที่คุณภาพของประชากรที่มีถิ่นฐานอยู่ในเขตกรุงเทพมหานครและได้เปลี่ยนวิถีชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น อันเนื่องมาจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปกครองทรงมีพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาคุณภาพของประชากรให้ดียิ่งขึ้น เช่นในเรื่องของการศึกษาทรงวางรากฐานการศึกษาให้แก่ราษฎร์ การเลิกไพร่ - ทาส การเลิกบ่อนการพนัน จากเลิกไพร่ทาส ผนวกกับการศึกษาและการปกครองแบบกระทรวงทบวงกรมทำให้เกิดชนชั้นทางราชการชนิดใหม่เป็นจำนวนมากที่รัฐต้องจ้างมารับราชการให้เหมาะแก่ปริมาณงานในราชการแผ่นดินที่เพิ่มขึ้นอย่างมากมายในรัชกาลที่ ๕ การทำงานก็เปลี่ยนระบบจากการที่ข้าราชการไปพบและทำที่บ้าน เสนาบดีมาเข้าเฝ้ากราบบังคมทูลรายงานข้อราชการหน้าพระที่นั่งในพระบรมมหาราชวังยังแต่ก่อน เปลี่ยนเป็นการมีสถานที่ราชการ ซึ่งข้าราชการต้องแต่เสนาบดีลงมาต้องไปทำงานตามเวลาราชการอย่างในปัจจุบันนี้ อีกทั้งต้องมีการประชุมสภาเสนาบดี ซึ่งมีพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเป็นองค์ประธานหรือเลือกเสนาบดีเป็นประธานในกรณีที่ไม่มีการเสด็จ เวลาราชการวันปฏิบัติราชกาล และวันหยุดราชการ จึงมีผลดีต่อเวลาในการค้าขายของราษฎร์ คนที่เป็นข้าราชการจะมีเงินเดือนมีโอกาสจับจ่ายใช้สอยในการซื้อหาเครื่องอุปโภคและบริโภค พนระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงปกครองแผ่นดินด้วยพระปรีชาสามารถตลอดรัชสมัยของพระองค์มีการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในหลาย ๆ ด้านเพื่อให้เกิดความพัฒนายิ่งขึ้นไป การฝ่าฟันอุปสรรคนานับประการทั้งภายในประเทศและที่มีผลกระทบมาจากต่างประเทศซึ่งยังอยู่ในยุคของการล่าอาณานิคมของพวกชาวตะวันตก ทรงนำพาความเจริญจากอารยธรรมตะวันตกเข้ามาดัดแปลบงให้เหมาะสมกับความเป็นคนไทย มีการปฏิรูปการปกครองแผ่นดินจัดตั้งระบบใหม่ ๆ ในหลายต่อหลายด้าน รวมทั้งการสร้างหอทะเบียนที่ดิน ทั้งยังได้เสด็จพระรารชดำเนินประพาสยังต่างประเทศเพื่อทำการเจริญสัมพันธ์ไมตรีอันมาซึ้งความเจริญสู่แผ่นดิน
           พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จสวรรคต เมื่อวันที่ ๒๓ ตุลาคม พ.ศ. ๒๔๕๓   ทรงมีพระชนมายุ  ๕๘ พรรษา และเสด็จดำรงอยู่ในสิริราไชยศวรรย์ ถึง ๔๒ ปี แม้เสด็จสวรรคตแล้ว พระราชจริยาของพระองค์ยังปรากฎอยู่เป็นพระเดชพระคุณแก่พระราชวงศ์ และทวยราษฎร์ผู้เกิดภายหลังตลอดมา

 
[ย้อนกลับ]