​

บุคคลซึ่งสามารถทำพินัยกรรมได้ คือ
1.ต้องเป็นบุคคลธรรมดาเท่านั้น
2.ผู้เยาว์สามารถทำพินัยกรรมได้ หากผู้เยาว์นั้นมีอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์
3.คนวิกลจริต ซึ่งศาลยังไม่สั่งให้เป็นคนไร้ความสามรถ(คนบ้า) แต่พินัยกรรมจะใช้ไม่ได้ เมื่อพิสูจน์ได้ว่าบุคคลนั้นได้ทำพินัยกรรมในขณะที่บุคคลนั้นเป็นคนวิกลจริต

แบบพินัยกรรม
1.พินัยกรรมแบบธรรมดา คือ ต้องทำพินัยกรรมเป็นหนังสือ ลงวัน เดือน ปี ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคนพร้อมกัน พยานจะพิมพ์ลายนิ้วมือไม่ได้
2.พินัยกรรมแบบเขียนเองทั้งฉบับ คือ ผู้ทำพินัยกรรมต้องเขียนข้อความในพินัยกรรมด้วยลายมือตนเอง พร้อมกับต้องลงวันเดือนปีและลายมือชื่อของตนในพินัยกรรม
3.พินัยกรรมแบบเอกสารฝ่ายเมือง คือ การไปแจ้งความประสงค์ที่ตนประสงค์จะให้ลงไว้ในพินัยกรรมของตนต่อ ผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอ ต่อหน้าพยานอย่างน้อยสองคน
4.พินัยกรรมแบบเอกสารลับ คือ ผู้ทำพินัยกรรมต้องลงลายมือชื่อหรือพิมพ์ลายนิ้วมือ(ต้องมีพยานรับรองอย่างน้อยสองคน)ในพินัยกรรม นำใส่ซองปิดผนึกแล้วลงลายมือชื่อคาบรายผนึกนั้น แล้วนำไปแสดงต่อผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอและพยานอีกอย่างน้อยสองคน
5.พินัยกรรมทำด้วยวาจา คือ กรณีมีพฤติการณ์พิเศษไม่สามารถทำพินัยกรรมแบบอื่นได้ เช่น ตกอยู่ในอันตรายใกล้ความตาย มีโรคระบาด หรือมีสงคราม โดยผู้ทำพินัยกรรมต้องแสดงความประสงค์จะทำพินัยกรรมต่อหน้าพยานสองคนพร้อมกัน ซึ่งอยู่ ณ ที่นั้น พยานสองคนนั้นต้องไปแสดงตัวต่อผู้อำนวยการเขตหรือนายอำเภอโดยไม่ชักช้าและแจ้งข้อความที่ผู้ทำพินัยกรรมได้สั่งไว้ด้วยวาจา ทั้งต้องแจ้งวันเดือนปี สถานที่ทำพินัยกรรมและพฤติการณ์พิเศษด้วย

พยานในพินัยกรรมจะต้อง
1.บรรลุนิติภาวะแล้ว
2.ไม่วิกลจริตหรือศาลสั่งให้เป็นผู้เสมือนไร้ความสามารถ
3.หูไม่หนวก ไม่เป็นใบ้ ตาไม่บอดทั้งสองข้าง

ข้อควรระวังในการทำพินัยกรรม
1.ผู้เขียนหรือพยานรวมทั้งคู่สมรสของผู้เขียนและพยานในพินัยกรรมจะเป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมไม่ได้
2.การขูด ลบ ตกเติม หรือแก้ไขเปลี่ยนแปลงพินัยกรรม ต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องลงลายมือชื่อกำกับไว้
3.ในพินัยกรรมจะต้องแสดงเจตนากำหนดการเผื่อตาย
4.ตัวบุคคลที่ระบุให้เป็นผู้รับทรัพย์ตามพินัยกรรมนั้นจะต้องไม่เป็นบุคคลที่กฎหมายห้ามไว้